ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

 


ยักษ์เซิร์ท "ต้นกำเนิดแห่งชีวิต" 
แร็กนาร็อก เป็นชื่อที่แสนจะคุ้นหูของหลายๆ คน โดยเฉพาะคนที่ชอบเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจ แต่ ใครรู้บ้างว่า ชื่อแร็กนาร็อกนั้น แท้จริงแล้วมีที่มาจากสงครามระหว่างเทพกับยักษ์แห่งตำนาน ชาวนอร์ส หรือชาวพื้นเมืองแถบสแกนดิเนเวียนี่เอง มันเป็นเรื่องราวตั้งแต่ครั้งที่โลกถูกสร้างขึ้น มาใหม่ๆ มีเพียงดินแดนที่รกร้างว่างเปล่าปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งที่แสนจะหนาวเหน็บ พื้นที่ส่วน หนึ่งถูกปกคลุมไปด้วยทะเลไฟชื่อว่ามัสเปลล์เฮม และท่ามกลางความร้อนแรงแห่งเปลวเพลิง มี ยักษ์ไฟตนหนึ่งอาศัยอยู่ชื่อว่าเซิร์ท เชื่อกันว่ายักษ์ตนนี้เกิดมาพร้อมๆ กับพื้นโลก แต่ด้วยเหตุที่ เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวบนผืนโลก ยักษ์เชิร์ทจึงไม่มีการมีงานทำมากนัก ในที่สุดก็เห็นว่ามีความ ร้อนท่วมตัวไปซะทุกที่ จึงขุดเอาแร่เหล็กหรืออะไรก็ตามที่มันแข็งๆ มาตีหลอมเป็นดาบเล่น แก้เซ็งซะเลย เชิร์ทมีพละกำลังมหาศาลตามขนาดตัวที่ใหญ่มหึมา เหวี่ยงค้อนตีเหล็กที่ สะเก็ด ไฟกระเด็นไปไกลโพ้นถึงดินแดนแห่งน้ำแข็งกันเลย นานวันเข้า สะเก็ดไฟได้หลอมให้แท่งน้ำ แข็งละลาย ระเหยกลายไปไอลอยขึ้นไปบนฟ้า เมื่อเจออากาศเย็นก็ควบแน่นกลายเป็นลูกเห็บ ก้อนใหญ่ตกลงมายังพื้นโลก เมื่อลูกเห็บพวกนี้รวมตัวกันเยอะเข้า ก็เกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้นกลาย เป็นยักษ์ตัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มชื่อ อีเมอร์ และวัวอีกตัวชื่อ อัลฮัมลา สิ่งมีชีวิตทั้งสองได้ให้กำเนิด บุตรหลานเป็นเผ่าพันธุ์ยักษ์และเผ่าเทพ ซึ่งในภายหลังเกิดทะเลาะไม่ชอบพอกัน ทางยักษ์ จึงไปชวนเชิร์ทมาร่วมต่อสู้ด้วย ว่ากันว่าในตำนานแร็กนาร็อกนั้น ยักษ์เชิร์ทหิ้วเอาดาบคู่ใจที่ ตีขึ้นมาเองเข้าร่วมสงคราม แม้จะไม่มีบันทึกบอกเอาไว้ว่าจุดจบของยักษ์เชิร์ทนั้นตายหรือไม่ อย่างไร แต่ที่แน่ๆ จุดจบของสงครามคือการเกิดไฟบรรลัยกัลป์ผลาญโลกทั้งใบให้กลายเป็น ทะเลเพลิง ทุกชีวิตล้วนดับสิ้นไป ก่อนที่จะเกิดแผ่นดินผุดขึ้นมาใหม่จากผิวน้ำกลายเป็นโลกในปัจจุบัน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คาริบดิส "วังวนวนมหากาฬ" ก่อนที่จะถูกสาปให้กลายเป็นอสุรกาย พรายน้ำคาริบลิสเป็นถึงธิดาของเทพโพไซดอน ราชาแห่งท้องทะเล กับเทพไกอา มารดาแห่งผืนดินคาริบดิสจงรักภักดีต่อบิดามากนางไม่พอใจที่ซูสได้เป็นราชาแห่งสวรรค์ จึงดลบันดาลให้น้ำท่วมพื้นดินไปเรื่อยๆ เพื่อที่ขอบข่ายอำนาจของเทพโพไซ ดอนจะได้เพิ่มมากขึ้น ซูสเลยจัดการสาปนางให้กลายเป็นหนอนทะเลยักษ์ที่ต้องคอยสูบน้ำเข้าท้องเป็นจำนวนมหาศาล แล้วค่อยพ่นออกมาทีหลัง ต้องทำเช่นนี้วันละ 3 ครั้ง ไปตลอดกาล การสูบน้ำเข้าออกเช่นนี้ทำให้เกิดน้ำวนขนาดยักษ์ที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ไม่ว่าเรือที่แล่นผ่านจะใหญ่ขนาดไหนก็ล้วนต้องอับปางลงทั้งสิ้น โฮเมอร์ได้เล่าไว้ในมหากาพย์โอดิสซีย์ว่า หลังจากเสร็จสิ้นสงครามโทรจัน โอดิสซีอุสต้องเดินทางกลับมาตุภูมิด้วยการล่องเรือผ่านเกาะซิซิลี โดยมีให้เลือกเพียง 2 ช่องทางเท่านั้น คือช่องทางที่มี นางปีศาจสคิลลา และช่องแคบคาริบดิส เทพีเซอร์มาแนะนำว่าให้ไปทางช่องแคบที่มีปีศาจสคิลลาอยู่สิ เพราะนางปีศาจตัวนี้มีแค่ 6 หัวเท่านั้น เมื่อถึงช่องแคบให้ทำการสังเวยลูกเรือไป 6 คน เมื่อสกิลลาคาบคนไปหัวละคนแล้วปากจะไม่ว่าง ทำให้ล่องเรือผ...
  อัมมุท " ผู้กัดกินวิญญาน "  สัตว์ประหลาดในตำนานของอียิปต์ส่วนใหญ่นั้น มักมีศักดิ์เป็นถึงเทพเจ้าที่มีคนนับถือ บูชามากมาย แต่ยกเว้นเจ้าปีศาจอัมมทไว้หนึ่งตัว มันมีรูปร่างประหลาดสุดๆ คือมีส่วน หัวเป็นจระเข้ ลำตัวท่อนบนเป็นสิงโต ท่อนล่างเป็นฮิปโปโปเตมัส ซึ่งสัตว์ทั้ง 3 ชนิด นี้ ถือเป็นนักล่าตัวโหดที่ชาวอียิปต์โบราณหวาดกลัวกันมาก เจ้าอัมมุทมีหน้าที่สำคัญ ในการกิน โหหหห... ช่างเป็นอาชีพที่น่าอิจฉามากเลย แต่ขอโทษกินหัวใจและกระดูก ของผู้ตายจ้า ชาวอียิปต์มีความเชื่อว่า เมื่อพวกตนตายวิญญาณจะถูกนำไปยังห้องโถง แห่งการพิพากษา ต่อหน้าเทวสภาทั้งปวง ณ ที่นั่น เทพมาอัดจะเป็นผู้พิพากษาความ ตีความชั่วของผู้ตาย โดยมีเทพอนูบิสเป็นผู้นำหัวใจของผู้ตายออกมานั่งเปรียบเทียบกับ ขนนก หากผู้ตายมีจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ น้ำหนักของขนนกจะหนักกว่า แต่ถ้าหัวใจ ถ่วงตาชั่งไปยังฝั่งตรงข้าม แปลว่าผู้ตายเต็มไปด้วยบาป หัวใจดวงนั้นจะถูกโยนลงมา ให้อสุรกายอัมมุกกัดกินทันที เมื่อถูกอุ้มมุกกินแล้ว คนผู้นั้นจะถือว่าเป็นผู้ที่ตายครั้ง ที่สอง หมายความว่าได้ตายลงอีกครั้งหนึ่ง และครั้งนี้ถือว่าตายถาวร วิญญาณจะสูญ สลายไปสิ้น ไ...
  คิเมร่า "สัตว์ประหลาด 3 หัว" อสุรกายคิเมร่ามีสามหัว ซึ่งหัวทั้งสามยังเป็นสัตว์คนละชนิดกันอีกด้วย หัวหนึ่งเป็นมังกร อีกหัวเป็นสิงโต และหัวสุดท้ายเป็นแพะ แล้วยังมีหางเป็นงูซะอีก คิเมร่ามีลมหายใจเป็นไฟที่มีพิษ ผิวหนังก็แข็งแกร่งราวเหล็กกล้า ตีรันฟันแทงไม่เข้า ผู้ที่จะมาปราบคิเมร่าคือ เบลเลอโรฟอนบุตรของกษัตริย์แห่งโครินธ์ ผู้ตั้งปณิธานไว้ว่าอยากจะเป็นนักขี่ม้าที่ยอดเยี่ยมที่สุด และหวังจะได้ขี่ม้าเทพเจ้าอย่างเพกาซัส เพื่อการนั้น เบลเลอโรฟอนจึงบูชาต่อเทพีอธีนา เทพเจ้าแห่งสติปัญญาให้ช่วยเหลือ เนื่องจากบรรพบุรุษของเบลเลอโรฟอนถือได้ว่ามีเชื้อสายเทพ เทพีอธีนาจึงเสด็จมาช่วยโดยการมอบบังเหียนทองคำให้ในฝันและเมื่อตื่นนอน วีรบุรุษหนุ่มผู้นี้ก็เจอม้าเพกาซัสลงมากินน้ำพุแห่งโครินธ์ต่อหน้าต่อตา จึงคล้องจับซะเลย เมื่อจับได้สมใจก็ขี่เพกาซัสเหาะขึ้นไปบนอากาศ วันดีคืนดีได้มาเจอเข้ากับอสุรกายคิเมร่าที่กำลังสนุกอยู่ กับการอาละวาดที่เมืองลิเกียพอดี กษัตริย์แห่งเมืองลิเกียจึงขอร้องให้เบลเลอโรฟอนช่วยจัดการ เจ้าอสูรร้าย ด้วยเหตุที่มันเหาะอยู่บนอากาศทำให้ไม่มีใครสามารถบินไปจัดการได้ แม้จะมีพาหนะเป็นถึ...

สภาพอากาศ

สภาพอากาศ, 26 เมษายน
สภาพอากาศใน อุดรธานี
+35

สูง: +35° ต่ำ: +25°

ความชื้น: 49%

ลม: SSE - 18 KPH

สัตว์ร้ายในตำนาน ตอนที่ 1