ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

 


สคิลลา " อสุรกายผู้น่าสงสาร "

แต่เดิมนางปีศาจลคิลลาผู้เป็นลูกสาวเทพเจ้าแห่งท้องทะเลอย่างเทพ ฟอร์กีส และเทพีโต้ เป็นพรายสาวหน้าตางดงาม ด้วยเหตุจากความสวยนี่เองที่ทำให้เจ้าตัวต้องพบกับปัญหาอันเลวร้ายไปตลอดชีวิตตำนานแรกเล่าถึงเทพโพไซดอน ราชาแห่งท้องทะเลได้มาตกหลุมรักสกิลลา ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีราชินีอยู่แล้ว ราชินีแอมฟิไทรย์รู้สึกเหมือนโดนสบประมาทเข้าอย่างจัง จึงแอบเอาพิษไปปล่อยไว้ที่แอ่งน้ำที่สกิลลามักจะไปอาบน้ำเป็นประจำ เมื่อสคิลลาลงไปอาบน้ำพิษก็ออกฤทธิ์ทำให้หัวยืดยาวออกมาเหมือนงูและสุนัขจิ้งจอกผสมกันและไม่ได้มีหัวเดียว แต่แตกตัวแยกออกเป็น 6 หัวกันไปเลย ผิวที่เคยเรียบเนียนสวยกลับกลายเป็นเมือกเกล็ดคล้ายปลา ครีบค่อยๆ งอกตามออกมาในปากเต็มไปด้วยฟันแหลมคมซ้อนกันถึง 3 ชุด แขนขางอกยาวเหมือนหนวดหมึกถึง 12 หนวด จากสาวสวยกลายเป็นสัตว์ประหลาดหน้าตาน่าสะพรึงกลัวไปในบัดดล เมื่อกลายร่างเป็นปีศาจไปแล้ว สคิลลาพาตัวเองไปอยู่ที่ช่องแคบบริเวณเกาะซิซิลีทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี ที่ซึ่งนักเดินเรือส่วนใหญ่ต้องผ่านหาไม่เช่นนั้นก็จะต้องไปผจญกับน้ำวนอันรุนแรงที่เกิดขึ้นจากอสุรกายคาริบดิสที่ช่องทางข้างๆแทน ไม่ว่าทางไหนก็เรียกได้ว่าเลวร้ายไม่ต่างกันอยู่ดี ว่ามั้ยล่ะ ส่วนอีกตำนานกล่าวว่าผู้ที่มาหลงรักนางพรายสกิลลาคือกลอส เขาไปขอเทพีเซอร์ซี เทพแห่งเวทมนตร์คาถาเพื่อช่วยให้ตนสมหวัง ทว่าองค์เทพกลับตกหลุมรักชายหนุ่มซะเอง พระนางจึงให้ยาพิษกลอคัสไปหยดใส่บึงน้ำโดยหลอกว่าเป็นยาที่ทำให้สาวตกหลุมรัก เมื่อสคิลลาอาบน้ำก็กลายเป็นปีศาจเหมือนตำนานแรก สำหรับเรื่องนี้มันไม่จบแค่ปีศาจสกิลลาคอยไปจับคนกินเท่านั้นน่ะสิ เพราะท้ายที่สุดวีรบุรุษเฮอร์คิวลีสได้ผ่านมาและทำให้ปีศาจสกิลลากลายเป็นโขดหิน โชคดีเทพฟอร์สผู้เป็นบิดาเกิดเห็นใจในชะตากรรมอัน โชคร้าย จึงช่วยชุบชีวิตลูกสาวให้กลับกลายเป็นนางพรายน้ำดังเดิม


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คาริบดิส "วังวนวนมหากาฬ" ก่อนที่จะถูกสาปให้กลายเป็นอสุรกาย พรายน้ำคาริบลิสเป็นถึงธิดาของเทพโพไซดอน ราชาแห่งท้องทะเล กับเทพไกอา มารดาแห่งผืนดินคาริบดิสจงรักภักดีต่อบิดามากนางไม่พอใจที่ซูสได้เป็นราชาแห่งสวรรค์ จึงดลบันดาลให้น้ำท่วมพื้นดินไปเรื่อยๆ เพื่อที่ขอบข่ายอำนาจของเทพโพไซ ดอนจะได้เพิ่มมากขึ้น ซูสเลยจัดการสาปนางให้กลายเป็นหนอนทะเลยักษ์ที่ต้องคอยสูบน้ำเข้าท้องเป็นจำนวนมหาศาล แล้วค่อยพ่นออกมาทีหลัง ต้องทำเช่นนี้วันละ 3 ครั้ง ไปตลอดกาล การสูบน้ำเข้าออกเช่นนี้ทำให้เกิดน้ำวนขนาดยักษ์ที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ไม่ว่าเรือที่แล่นผ่านจะใหญ่ขนาดไหนก็ล้วนต้องอับปางลงทั้งสิ้น โฮเมอร์ได้เล่าไว้ในมหากาพย์โอดิสซีย์ว่า หลังจากเสร็จสิ้นสงครามโทรจัน โอดิสซีอุสต้องเดินทางกลับมาตุภูมิด้วยการล่องเรือผ่านเกาะซิซิลี โดยมีให้เลือกเพียง 2 ช่องทางเท่านั้น คือช่องทางที่มี นางปีศาจสคิลลา และช่องแคบคาริบดิส เทพีเซอร์มาแนะนำว่าให้ไปทางช่องแคบที่มีปีศาจสคิลลาอยู่สิ เพราะนางปีศาจตัวนี้มีแค่ 6 หัวเท่านั้น เมื่อถึงช่องแคบให้ทำการสังเวยลูกเรือไป 6 คน เมื่อสกิลลาคาบคนไปหัวละคนแล้วปากจะไม่ว่าง ทำให้ล่องเรือผ...
  อัมมุท " ผู้กัดกินวิญญาน "  สัตว์ประหลาดในตำนานของอียิปต์ส่วนใหญ่นั้น มักมีศักดิ์เป็นถึงเทพเจ้าที่มีคนนับถือ บูชามากมาย แต่ยกเว้นเจ้าปีศาจอัมมทไว้หนึ่งตัว มันมีรูปร่างประหลาดสุดๆ คือมีส่วน หัวเป็นจระเข้ ลำตัวท่อนบนเป็นสิงโต ท่อนล่างเป็นฮิปโปโปเตมัส ซึ่งสัตว์ทั้ง 3 ชนิด นี้ ถือเป็นนักล่าตัวโหดที่ชาวอียิปต์โบราณหวาดกลัวกันมาก เจ้าอัมมุทมีหน้าที่สำคัญ ในการกิน โหหหห... ช่างเป็นอาชีพที่น่าอิจฉามากเลย แต่ขอโทษกินหัวใจและกระดูก ของผู้ตายจ้า ชาวอียิปต์มีความเชื่อว่า เมื่อพวกตนตายวิญญาณจะถูกนำไปยังห้องโถง แห่งการพิพากษา ต่อหน้าเทวสภาทั้งปวง ณ ที่นั่น เทพมาอัดจะเป็นผู้พิพากษาความ ตีความชั่วของผู้ตาย โดยมีเทพอนูบิสเป็นผู้นำหัวใจของผู้ตายออกมานั่งเปรียบเทียบกับ ขนนก หากผู้ตายมีจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ น้ำหนักของขนนกจะหนักกว่า แต่ถ้าหัวใจ ถ่วงตาชั่งไปยังฝั่งตรงข้าม แปลว่าผู้ตายเต็มไปด้วยบาป หัวใจดวงนั้นจะถูกโยนลงมา ให้อสุรกายอัมมุกกัดกินทันที เมื่อถูกอุ้มมุกกินแล้ว คนผู้นั้นจะถือว่าเป็นผู้ที่ตายครั้ง ที่สอง หมายความว่าได้ตายลงอีกครั้งหนึ่ง และครั้งนี้ถือว่าตายถาวร วิญญาณจะสูญ สลายไปสิ้น ไ...
  คิเมร่า "สัตว์ประหลาด 3 หัว" อสุรกายคิเมร่ามีสามหัว ซึ่งหัวทั้งสามยังเป็นสัตว์คนละชนิดกันอีกด้วย หัวหนึ่งเป็นมังกร อีกหัวเป็นสิงโต และหัวสุดท้ายเป็นแพะ แล้วยังมีหางเป็นงูซะอีก คิเมร่ามีลมหายใจเป็นไฟที่มีพิษ ผิวหนังก็แข็งแกร่งราวเหล็กกล้า ตีรันฟันแทงไม่เข้า ผู้ที่จะมาปราบคิเมร่าคือ เบลเลอโรฟอนบุตรของกษัตริย์แห่งโครินธ์ ผู้ตั้งปณิธานไว้ว่าอยากจะเป็นนักขี่ม้าที่ยอดเยี่ยมที่สุด และหวังจะได้ขี่ม้าเทพเจ้าอย่างเพกาซัส เพื่อการนั้น เบลเลอโรฟอนจึงบูชาต่อเทพีอธีนา เทพเจ้าแห่งสติปัญญาให้ช่วยเหลือ เนื่องจากบรรพบุรุษของเบลเลอโรฟอนถือได้ว่ามีเชื้อสายเทพ เทพีอธีนาจึงเสด็จมาช่วยโดยการมอบบังเหียนทองคำให้ในฝันและเมื่อตื่นนอน วีรบุรุษหนุ่มผู้นี้ก็เจอม้าเพกาซัสลงมากินน้ำพุแห่งโครินธ์ต่อหน้าต่อตา จึงคล้องจับซะเลย เมื่อจับได้สมใจก็ขี่เพกาซัสเหาะขึ้นไปบนอากาศ วันดีคืนดีได้มาเจอเข้ากับอสุรกายคิเมร่าที่กำลังสนุกอยู่ กับการอาละวาดที่เมืองลิเกียพอดี กษัตริย์แห่งเมืองลิเกียจึงขอร้องให้เบลเลอโรฟอนช่วยจัดการ เจ้าอสูรร้าย ด้วยเหตุที่มันเหาะอยู่บนอากาศทำให้ไม่มีใครสามารถบินไปจัดการได้ แม้จะมีพาหนะเป็นถึ...

สภาพอากาศ

สภาพอากาศ, 27 เมษายน
สภาพอากาศใน อุดรธานี
+35

สูง: +36° ต่ำ: +27°

ความชื้น: 48%

ลม: S - 11 KPH

สัตว์ร้ายในตำนาน ตอนที่ 1