ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

คราเคน"หมึกยักษ์จอมอาละวาด"

คราเคน"หมึกยักษจอมอาละวาด

       คราเคน หรือฮาฟกูฟา ถูกกล่าวถึงบ่อยๆ ในนิทานหรือมหากาพย์โบราณของยุโรปแต่พบบันทึกเกี่ยวกับคราเคนเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกจากหนังสือบันทึกการเดินทางของชาว "นอร์เวย์" ซึ่งกล่าวว่ามีปีศาจยักษ์ขนาดใหญ่เหมือนเกาะลอยน้ำได้หนวดยาวเลื้อยรุงรัง มันจะลอยเข้ามาแบบเงียบๆ จากนั้นจะใช้หนวดยาวๆโจมตีเรือแบบกะทันหันคนแถบซีกโลกทางว่ามีเหนือกลัวเจ้าตัวนี้มาก 
    นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นคว้าเกี่ยวกับคราเคนพบว่ามันมีสายพันธุ์ใกล้เคียงกับหมึกยักษ์ซึ่งมักอาศัยอยู่ในเขตทะเลลึกที่น้ำเย็นจัดแถบบริเวณขั้วโลกเป็นอย่างมากถึงแม้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่มหึมา ตามตำนานแต่ก็ใหญ่พอๆกับเรือเฟอรี่ขนาดกลางยิ่งหนวดนี่ยาวหลายกิโลเมตรเลยคราเคนถือได้ว่าเป็นมรดกตกทอดจากโลกยุคไดโนเสาร์เลยก็ว่าได้ ในสมัยโบราณ สัตว์ต่างๆ ล้วนแต่มีขนาดมหึมา แต่เมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของ โลกอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นทั้งบนบกและในน้ำ ต่างก็พากันล้มตายไปหมด แม้บางชนิดจะปรับ เปลี่ยนตัวเองให้อยู่รอดได้ แต่กลับมีขนาดเล็กลง เช่น วาฬ ปลาฉลาม ช้าง สัตว์เหล่านี้ที่เรา เห็นว่าตัวใหญ่ นี่คือเล็กลงกว่าในอดีตหลายเท่าตัวแล้วนะ!! ตำนานคราเคน ปีศาจยักษ์แห่งท้องทะเลเป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเพราะตามบันทึกที่ ระบุว่าเจอคราเคน ล้วนแล้วแต่เป็นบริเวณที่กระแสน้ำอุ่นมาเจอเข้ากับกระแสน้ำเย็น ตรงกับ นิสัยของเจ้าหมึกยักษ์ซึ่งมักอาศัยอยู่ในเขตน้ำเย็นเท่านั้น มีอีกข้อสันนิษฐานหนึ่งบอกว่าศัตรูตามธรรมชาติหรืออาหารของหมึกยักษ์คือวาฬดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่คราเคนจะโจมตีเรือเพราะมันรูปร่างยาวๆ รีๆ เหมือนกันมองในน้ำแล้วอาจจะนึกว่าเป็นวาฬได้ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าหมึกนอกจากจะตาถั่วแล้วยังช่างมโนอีกด้วย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คาริบดิส "วังวนวนมหากาฬ" ก่อนที่จะถูกสาปให้กลายเป็นอสุรกาย พรายน้ำคาริบลิสเป็นถึงธิดาของเทพโพไซดอน ราชาแห่งท้องทะเล กับเทพไกอา มารดาแห่งผืนดินคาริบดิสจงรักภักดีต่อบิดามากนางไม่พอใจที่ซูสได้เป็นราชาแห่งสวรรค์ จึงดลบันดาลให้น้ำท่วมพื้นดินไปเรื่อยๆ เพื่อที่ขอบข่ายอำนาจของเทพโพไซ ดอนจะได้เพิ่มมากขึ้น ซูสเลยจัดการสาปนางให้กลายเป็นหนอนทะเลยักษ์ที่ต้องคอยสูบน้ำเข้าท้องเป็นจำนวนมหาศาล แล้วค่อยพ่นออกมาทีหลัง ต้องทำเช่นนี้วันละ 3 ครั้ง ไปตลอดกาล การสูบน้ำเข้าออกเช่นนี้ทำให้เกิดน้ำวนขนาดยักษ์ที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ไม่ว่าเรือที่แล่นผ่านจะใหญ่ขนาดไหนก็ล้วนต้องอับปางลงทั้งสิ้น โฮเมอร์ได้เล่าไว้ในมหากาพย์โอดิสซีย์ว่า หลังจากเสร็จสิ้นสงครามโทรจัน โอดิสซีอุสต้องเดินทางกลับมาตุภูมิด้วยการล่องเรือผ่านเกาะซิซิลี โดยมีให้เลือกเพียง 2 ช่องทางเท่านั้น คือช่องทางที่มี นางปีศาจสคิลลา และช่องแคบคาริบดิส เทพีเซอร์มาแนะนำว่าให้ไปทางช่องแคบที่มีปีศาจสคิลลาอยู่สิ เพราะนางปีศาจตัวนี้มีแค่ 6 หัวเท่านั้น เมื่อถึงช่องแคบให้ทำการสังเวยลูกเรือไป 6 คน เมื่อสกิลลาคาบคนไปหัวละคนแล้วปากจะไม่ว่าง ทำให้ล่องเรือผ...
  อัมมุท " ผู้กัดกินวิญญาน "  สัตว์ประหลาดในตำนานของอียิปต์ส่วนใหญ่นั้น มักมีศักดิ์เป็นถึงเทพเจ้าที่มีคนนับถือ บูชามากมาย แต่ยกเว้นเจ้าปีศาจอัมมทไว้หนึ่งตัว มันมีรูปร่างประหลาดสุดๆ คือมีส่วน หัวเป็นจระเข้ ลำตัวท่อนบนเป็นสิงโต ท่อนล่างเป็นฮิปโปโปเตมัส ซึ่งสัตว์ทั้ง 3 ชนิด นี้ ถือเป็นนักล่าตัวโหดที่ชาวอียิปต์โบราณหวาดกลัวกันมาก เจ้าอัมมุทมีหน้าที่สำคัญ ในการกิน โหหหห... ช่างเป็นอาชีพที่น่าอิจฉามากเลย แต่ขอโทษกินหัวใจและกระดูก ของผู้ตายจ้า ชาวอียิปต์มีความเชื่อว่า เมื่อพวกตนตายวิญญาณจะถูกนำไปยังห้องโถง แห่งการพิพากษา ต่อหน้าเทวสภาทั้งปวง ณ ที่นั่น เทพมาอัดจะเป็นผู้พิพากษาความ ตีความชั่วของผู้ตาย โดยมีเทพอนูบิสเป็นผู้นำหัวใจของผู้ตายออกมานั่งเปรียบเทียบกับ ขนนก หากผู้ตายมีจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ น้ำหนักของขนนกจะหนักกว่า แต่ถ้าหัวใจ ถ่วงตาชั่งไปยังฝั่งตรงข้าม แปลว่าผู้ตายเต็มไปด้วยบาป หัวใจดวงนั้นจะถูกโยนลงมา ให้อสุรกายอัมมุกกัดกินทันที เมื่อถูกอุ้มมุกกินแล้ว คนผู้นั้นจะถือว่าเป็นผู้ที่ตายครั้ง ที่สอง หมายความว่าได้ตายลงอีกครั้งหนึ่ง และครั้งนี้ถือว่าตายถาวร วิญญาณจะสูญ สลายไปสิ้น ไ...
  คิเมร่า "สัตว์ประหลาด 3 หัว" อสุรกายคิเมร่ามีสามหัว ซึ่งหัวทั้งสามยังเป็นสัตว์คนละชนิดกันอีกด้วย หัวหนึ่งเป็นมังกร อีกหัวเป็นสิงโต และหัวสุดท้ายเป็นแพะ แล้วยังมีหางเป็นงูซะอีก คิเมร่ามีลมหายใจเป็นไฟที่มีพิษ ผิวหนังก็แข็งแกร่งราวเหล็กกล้า ตีรันฟันแทงไม่เข้า ผู้ที่จะมาปราบคิเมร่าคือ เบลเลอโรฟอนบุตรของกษัตริย์แห่งโครินธ์ ผู้ตั้งปณิธานไว้ว่าอยากจะเป็นนักขี่ม้าที่ยอดเยี่ยมที่สุด และหวังจะได้ขี่ม้าเทพเจ้าอย่างเพกาซัส เพื่อการนั้น เบลเลอโรฟอนจึงบูชาต่อเทพีอธีนา เทพเจ้าแห่งสติปัญญาให้ช่วยเหลือ เนื่องจากบรรพบุรุษของเบลเลอโรฟอนถือได้ว่ามีเชื้อสายเทพ เทพีอธีนาจึงเสด็จมาช่วยโดยการมอบบังเหียนทองคำให้ในฝันและเมื่อตื่นนอน วีรบุรุษหนุ่มผู้นี้ก็เจอม้าเพกาซัสลงมากินน้ำพุแห่งโครินธ์ต่อหน้าต่อตา จึงคล้องจับซะเลย เมื่อจับได้สมใจก็ขี่เพกาซัสเหาะขึ้นไปบนอากาศ วันดีคืนดีได้มาเจอเข้ากับอสุรกายคิเมร่าที่กำลังสนุกอยู่ กับการอาละวาดที่เมืองลิเกียพอดี กษัตริย์แห่งเมืองลิเกียจึงขอร้องให้เบลเลอโรฟอนช่วยจัดการ เจ้าอสูรร้าย ด้วยเหตุที่มันเหาะอยู่บนอากาศทำให้ไม่มีใครสามารถบินไปจัดการได้ แม้จะมีพาหนะเป็นถึ...

สภาพอากาศ

สภาพอากาศ, 04 พฤษภาคม
สภาพอากาศใน อุดรธานี
+35

สูง: +35° ต่ำ: +27°

ความชื้น: 46%

ลม: SSW - 9 KPH

สัตว์ร้ายในตำนาน ตอนที่ 1